Seasonbees

1. ผึ้งหลวง (Apis dorsata) เป็นผึ้งพื้นเมืองชนิดหนึ่งของไทยและประเทศอื่น ๆ  มีขนาดใหญ่ที่สุด จะสร้างรังขนาดใหญ่อยู่ตามที่สูงๆ รวงผึ้งมีลักษณะเป็นรวงเดียวห้อยอยู่ตามหน้าผา ตามภูเขา ต้นไม้ใหญ่ และเป็นผึ้งที่แข็งแรงมาก หาน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ได้ไกล ๆ และหากินเก่ง นํ้าผึ้งชนิดนี้มีคุณภาพเข้มข้น รสหวาน คุณภาพดีกว่าน้ำผึ้งชนิดอื่น แต่เนื่องจากเป็นผึ้งที่ี่มีความดุร้ายจึงไม่นิยมเลี้ยง

2. ผึ้งมิ้ม (Apis florae F.) หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ผึ้งแมลงวัน เนื่องจากพฤติกรรมชอบตอมขนมหวาน และตัวโตเท่าแมลงวัน จัดว่าเป็นผึ้งที่มีขนาดเล็กที่สุด ไม่ดุร้าย ขนาดรังเล็ก มักพบทำรังตามกิ่งไม้ แต่น้ำหวานที่ได้รสหวานแหลมเชื่อกันว่ามีสรรพคุณทางยาสูงกว่าน้ำผึ้งชนิดอื่น  ผึ้งชนิดนี้ไม่นิยมเลี้ยงเนื่องจากชอบอพยพและมีการย้ายรังบ่อย ๆ

3. ผึ้งโพรง (Apis cerana F.) ผึ้งโพรง เป็นผึ้งขนาดกลาง จะทำรังด้วยการสร้างรวงผึ้งซ้อนกันเป็นหลืบ ๆ อยู่ในโพรงไม้ หรือโพรงหิน เป็นที่นิยมนำมาเลี้ยงและสร้างบ้านให้อยู่ สามารถเลี้ยงตาม สวนผลไม้ต่าง สวนป่า เป็นผึ้งพื้นเมืองของไทย ทนทานต่อสภาพแวดล้อมในบ้านเรา ทนโรคและแมลง  ถ้าแหล่งอาหารไม่พอ หรือดอกไม้ไม่พอจะทิ้งรัง ทำให้น้ำผึ้งต่อรังมีปริมาณน้อย 

4. ผึ้งม้าม (Apis andreniformis) ผึ้งม้าม เป็นผึ้งที่มีขนาดเล็กเท่ากับผึ้งมิ้ม ขนาดรัง และนิสัยการสร้างรัง การหาอาหาร ไม่แตกต่างไปจากผึ้งมิ้ม แต่จะแตกต่างเฉพาะลักษณะเหล็กไน เส้นปีก และอวัยวะสืบพันธุ์ของผึ้งตัวผู้ ซึ่งจะแยกแยะได้ยากมาก

5. ผึ้งพันธุ์ (Apis mellifera F.) หรือผึ้งเลี้ยงทางการค้า เป็นผึ้งพื้นเมืองของทวีปแอฟริกาและยุโรป มีลำตัวใหญ่รองลงมาจากผึ้งหลวง และใหญ่กว่าผึ้งโพรง ผึ้งชนิดนี้นิยมเลี้ยงมากที่สุด ถูกนำเข้ามาเลี้ยงเพื่อผลิตน้ำผึ้งโดยเฉพาะ

น้ำผึ้งดิบกับน้ำผึ้งธรรมดา: ความแตกต่างคืออะไร?

ความแตกต่างของน้ำผึ้งดิบกับน้ำผึ้งธรรมดา เกิดจากกระบวนการผลิตหลังการเก็บเกี่ยว สารเพิ่มความหวาน และคุณประโยชน์ทางโภชนาการ

ความแตกต่างหลักระหว่างน้ำผึ้งดิบกับน้ำผึ้งธรรมดามาจากกระบวนการผลิตหลังการเก็บเกี่ยว น้ำผึ้งทั่วไปมักจะถูกพาสเจอร์ไรซ์โดยการให้ความร้อนจนถึงอุณหภูมิที่สูงมาก กระบวนการพาสเจอไรซ์จะทำลายจุลินทรีย์ที่มีอยู่ตามธรรมชาติในอาหาร รวมถึงสารสำคัญบางชนิดที่พบในน้ำผึ้ง 

นอกจากนี้น้ำผึ้งทั่วไปจะกรองฟองอากาศออกจากน้ำผึ้ง ทำให้น้ำผึ้งมีลักษณะที่เนียนเรียบสม่ำเสมอ ผู้บริโภคส่วนใหญ่จะชื่นชอบน้ำผึ้งไม่มีฟอง และอาจมีการกรองแบบละเอียดมากเพื่อทำให้ใสยิ่งขึ้น การกรองเหล่านี้มักจะกำจัดเอนไซม์และละอองเรณูที่สำคัญต่อคุณประโยชน์ต่อสุขภาพของน้ำผึ้งออกไป  

รวมทั้งน้ำผึ้งทั่วไปมีโอกาศเติมน้ำตาล น้ำเชื่อม และสารปรุงแต่งอื่นๆ เพื่อทำให้น้ำผึ้งมีรสหวานและลดต้นทุน การรับประทานน้ำผึ้งดิบถึงแม้จะมีราคาสูงกว่าน้ำผึ้งทั่วไป แต่ก็ทำให้ผู้บริโภคสบายใจได้ เพราะผู้บริโภคจะได้รับน้ำผึ้ง 100 เปอร์เซ็นต์ แทนที่จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ลดคุณค่าลงไปด้วยกระบวนการต่างๆ

น้ำผึ้งดิบ (Raw Honey) มักให้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่าน้ำผึ้งทั่วไป

เนื่องจากไม่ผ่านกระบวนการพาสเจอร์ไรส์และการกรองละเอียด ซึ่งทั้ง 2 กระบวนการ จะกำจัดเกสรผึ้ง พร๊อพโพลิส วิตามิน แร่ธาตุ เอนไซม์ กรดอะมิโน สารต้านอนุมูลอิสระ และสารอื่นๆ ที่ให้ประโยชน์ทางโภชนาการ 

หากไม่มีสารที่มีประโยชน์เหล่านี้ ผู้บริโภคจะไม่ได้รับคุณประโยชน์ในการต้านการอักเสบ ต้านเชื้อรา และแบคทีเรียจากน้ำผึ้ง 

หากคุณต้องการบริโภคน้ำผึ้งเพื่อประโยชน์ทางโภชนาการ ไม่ใช่แค่รสชาติที่อร่อย ควรเลือกน้ำผึ้งดิบ โดยเฉพาะน้ำผึ้งดิบเรา ที่ผ่านการคัดสรรจากผู้เลี้ยงผึ้งทั่วประเทศที่เลี้ยงผึ้งแบบธรรมชาติ ปราศจากการให้อาหารเสริม และน้ำผึ้งนั้นให้คุณค่าจากดอกไม้ชนิดต่างๆ และมีรสชาติที่อร่อย 

รสชาติและเนื้อสัมผัสของน้ำผึ้งดิบจะแตกต่างจากน้ำผึ้งทั่วไปเพราะไม่ได้ถูกกระบวนการให้มีรสชาติเดียวกัน 

แต่น้ำผึ้งดิบมีรสชาติที่หลากหลายเนื่องจากพืชหลายชนิดที่เป็นพืชอาหารของผึ้งจึงทำให้รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์แก่น้ำผึ้ง น้ำผึ้งทั่วไปมักจะไม่มีรสชาติมากนัก เนื่องจากกระบวนการใช้ความร้อนและการกรองละเอียดเพื่อเอาละอองเกสรออก  ละอองเกสรซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดรสชาติของน้ำผึ้ง 

รวมทั้งน้ำผึ้งดิบก็มีโอกาศที่จะตกตะกอนได้ขึ้นอยู่กับชนิดพืชอาหาร บางครั้งคุณค่าที่สูงที่ได้มาจากน้ำผึ้งก็ต้องแลกกับความสวยงามที่พบในน้ำผึ้ง

รู้หรือไม่? น้ำผึ้งไม่มีวันหมดอายุ!

น้ำผึ้งแท้จากธรรมชาติที่มีการบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมจะไม่มีวันหมดอายุ 

มีนักโบราณคดีที่ขุดพบน้ำผึ้งอายุหลายพันปีจากสุสานอียิปต์โบราณ และพบว่าน้ำผึ้งนั้นยังสามารถรับประทานได้น้ำผึ้งแท้จากธรรมชาติที่มีการบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมจะไม่มีวันหมดอายุ 

โดยเคล็ดลับทั้งหมดอยู่ที่โครงสร้างทางชีวภาพของน้ำผึ้ง เนื่องจากน้ำผึ้งมีส่วนประกอบหลักคือน้ำตาลและมีโมเลกุลของน้ำน้อยมาก จึงทำให้มีปริมาณความชื้นต่ำ

อีกทั้งน้ำผึ้งที่มีค่า pH ต่ำ (pH คือค่าความเป็นกรด-เบส) ซึ่งน้ำผึ้งมีค่า pH ประมาณ 3.2-4.5 ซึ่งมีความเป็นกรดสูงมากซึ่งสามารถป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรียหรือเชื้อจุลินทรีย์ได้ เซลล์ของจุลิทรีย์ เช่น แบคทีเรียที่ตกลงไปในน้ำผึ้งจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่รอดได้ เนื่องจากภายในเซลล์ของแบคทีเรียมีความเข้มข้นน้อยกว่าน้ำผึ้ง น้ำในเซลล์ของแบคทีเรียจึงซึมออกมานอกเซลล์ ทำให้แบคทีเรียตาย แม้แต่เซลล์ยีสต์ก็ไม่สามารถเจริญเติบโตได้ด้วยเหตุผลเช่นเดียวกัน

ที่มา:https://kasetgo.com/t/topic/233805